แอปเปิลวอตช์ (Apple Watch) เป็นนาฬิกาข้อมือไฮเทคที่แอปเปิลพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าภาพพื้นหลังที่นาฬิกาได้ตามต้องการ รวมถึงสามารถอ่าน และทำเครื่องหมายอีเมลที่สำคัญจากหน้าปัด ขณะเดียวกัน ก็สามารถกดโทร.ออก และรับสายโทรศัพท์ผ่านนาฬิกา โดย Apple Watch ถูกแบ่งสายผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 กลุ่มนาฬิกา เริ่มต้นที่ “แอปเปิล วอตช์ สปอร์ต (Apple Watch Sport)” กำหนดราคาจำหน่าย 349 เหรียญสหรัฐ สำหรับรุ่นหน้าปัดขนาด 38 มม. และ 399 เหรียญสหรัฐ สำหรับรุ่นหน้าปัดขนาด 42 มม. ถัดมาเป็นกลุ่ม “แอปเปิล วอตช์ (Apple Watch)” ที่ใช้วัสดุสเตนเลสสตีล หรูยิ่งขึ้นเพื่อวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 549 และ 599 เหรียญสหรัฐ ตามขนาดหน้าปัดที่ต่างกัน ขณะที่รุ่นหรูสุดขีดคือ “แอปเปิล วอตช์ อิดิชัน (Apple Watch Edition)” สนนราคาเริ่มที่ 10,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะวางจำหน่ายในร้านแอปเปิลบางสาขาเท่านั้น

Apple Watch รุ่นราคาเรือนแสนบาทนี้เองที่ถูกโจมตีว่าอาจไม่คุ้มค่ากับราคาที่ตั้งไว้ เนื่องจากอุปกรณ์ไอทีล้วนเสี่ยงล้าสมัยในระยะเวลาเพียง 2-3 ปี เพราะมีโอกาสเกิดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม และเทคโนโลยีประมวลผลตกรุ่นจนทำให้ไม่สามารถใช้งานดีในอนาคต

เบื้องต้น สำนักข่าวต่างประเทศได้รับคำยืนยันจากแอปเปิลแล้วว่า แบตเตอรี่ใน Apple Watch สามารถถอดเปลี่ยนใหม่ได้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องค่าบริการที่แอปเปิลอาจเรียกเก็บ โดยที่ผ่านมา การประเมินพบว่าอายุใช้งานแบตเตอรี่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปนั้นอยู่ที่ราว 3 ปีเท่านั้น

รายงานระบุว่า แอปเปิลยังไม่ให้รายละเอียดที่แน่ชัดว่าจะมีแผนให้บริการอัปเกรดหน่วยประมวลผลหรือ CPU และหน่วยความจำ RAM ในอนาคตหรือไม่ จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าราคาหลายระดับของ Apple Watch อาจเป็นข้อจำกัดให้แอปเปิลเลือกให้บริการหลังการขายที่ต่างกัน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่แอปเปิลอาจให้บริการอัปเกรดและซ่อมบำรุงระบบแก่ผู้ซื้อ Apple Watch รุ่นราคาแพงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แผนการซ่อมบำรุง Apple Watch ถูกมองว่าอาจไม่ช่วยให้ Apple Watch รุ่นหรูมีความคุ้มค่ามากพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่องถึง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจาก Apple Watch ต้องทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนอย่างไอโฟน (iPhone) ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงและอัปเกรดตามวงจรผลิตภัณฑ์ไอทีอยู่แล้ว 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์