กรุงไทยสั่งเบรกบัญชีบริษัทซื้อขายเงินดิจิทัล

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

       นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สั่งให้ฝ่ายบริหารธนาคารไม่ให้ทำธุรกรรมของบริษัทซื้อขายเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี 2 แห่ง ผ่านระบบัญชีธนาคารกรุงไทย เป็นไปตามหนังสือขอความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์ไม่สนับสนุนการซื้อขายคริปโตเคอเรนซี

“ธนาคารกรุงไทยก็ดำเนินการเหมือนธนาคารกรุงเทพที่ไม่ให้ทั้งสองบริษัทซื้อขายเงินดิจิทัลทำธุรกรรมผ่านธนาคาร จนกว่าจะมีระเบียบมาตรการกำกับที่ชัดเจนจากทางการเสียก่อน” นายสมชัย กล่าว
      นายสมชัย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยต้องเป็นแบบอย่างในการให้ความร่วมมือกับ ธปท. และไม่ให้ดำเนินการธุรกรรมที่แสดงตัวตนไม่ได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายกับนักลงทุนได้ สำหรับมาตรการกำกับดูแลคริปโตเคอเรนซี ทางคณะทำงานซึ่งมีทั้งกระทรวงการคลัง ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีการประชุมกันต่อเนื่อง และสัปดาห์นี้จะประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อสรุปแนวทางกำกับดูแลให้ชัดเจนขึ้น
ด้าน ก.ล.ต.จะมีการประชุมคณะกรรมการวันที่ 8 มี.ค.นี้ เพื่อออกระเบียบการกำกับการระดมทุนเสนอขายเหรียญดิจิทัล (ไอซีโอ) ที่เป็นหลักทรัพย์ ส่วนไอซีโอที่ไม่เป็นหลักทรัพย์ ก.ล.ต.ยังจะไม่ออกมาตรการกำกับดูแล
       น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า เจตนารมณ์ของ ธปท.ที่ออกประกาศไม่ให้ธนาคารพาณิชย์สนับสนุนธุรกรรมคริปโตเคอเรนซีหลักๆ มี 5 เรื่อง คือ ไม่ให้ไปลงทุนซื้อขายคริปโตเคอเรนซีเอง ไม่ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีเอง ไม่ให้สร้างแพลตฟอร์มเพื่อเป็นสื่อกลางให้ลูกค้าเข้าไปทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซี ไม่ไปสนับสนุนลูกค้าใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตเคอเรนซี และไม่ไปให้คำปรึกษาลูกค้าให้ไปลงทุนคริปโตเคอเรนซี
แต่หลังออกประกาศการสื่อสารอาจไม่ทั่วถึงแม้เจตนา ธปท.มีเท่านี้ แต่ธนาคารที่ปฏิบัติก็มีทั้งทำมากเกินไปหรือน้อยเกินไป คงต้องให้เวลาปรับตัว
สำหรับที่ผ่านมาได้ขอข้อมูลผู้ทำหน้าที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีในไทยซึ่งมีหลักๆ 2 ราย คือ ทีแด็กซ์ และบีเอ็กซ์จากข้อมูลกลางปี 2560 พบว่ามีลูกค้าซื้อขายแลกเปลี่ยนประจำ 4.6 หมื่นราย มูลค่าการซื้อขาย 600 ล้านบาท/วัน ซึ่ง ธปท.ก็ยังติดตามข้อมูลต่อเนื่อง

ที่มา : posttoday